เทศน์เช้า วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เอานะ ตั้งใจฟังธรรมะนะ วันนี้วันสำคัญ วันแรงงาน วันแรงงาน วันนี้ประชาชนต้องหยุดหายใจเลย เพราะวันหยุด เพราะมันต้องหายใจ มันได้สบายไง วันแรงงานเราก็ต้องหายใจ วันแรงงานเขาให้หยุดๆ มันเป็นวันสำคัญ แต่วันสำคัญ สำคัญเพราะอะไร เพราะโลกเกิดมาจากฝีมือของมนุษย์ มนุษย์เป็นผู้สร้างทั้งนั้นน่ะ มนุษย์เป็นผู้สร้าง
ทีนี้มนุษย์เป็นผู้สร้าง สิ่งที่ว่าเป็นวันสำคัญๆ แรงงานทางโลก แรงงานของเรา ดูสิ เวลาชนบท เราต้องการให้เด็กมีการศึกษาๆ แต่พ่อแม่ก็ต้องใช้แรงงานของเด็กไง แรงงานของเด็กช่วย ชีวิตเกษตร มันก็ต้องช่วยทำหน้าที่การงาน เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย จะเอาเวลาอะไรไปเรียนหนังสือ นี่เวลาคนคิดเขาคิดปรารถนาดีทั้งนั้นน่ะ แต่ด้วยความจำเป็นๆ ไง ความจำเป็นในครอบครัว ความจำเป็นต่างๆ มันมีความจำเป็นทั้งนั้นน่ะ แต่ความจำเป็นอย่างนั้นกรรมของสัตว์ๆ ไง
ทำไมเราไม่เกิดมาร่ำรวยล่ะ เกิดมามีพี่เลี้ยง ๕ คน ๑๐ คนอย่างนั้นน่ะ ถ้าเกิดมามีพี่เลี้ยง ๕ คน ๑๐ คน เขาเกิดมานะ คนเราเกิดมา เกิดมามืดแล้วไปสว่าง เกิดมามืดไง เกิดมามืดคือเกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ แต่เรามีหน้าที่การงานของเรา ทำชีวิตเราจนประสบความสำเร็จ คนเราเกิดมาจากสว่าง เกิดมาจากดีงามทั้งนั้นน่ะ พ่อแม่ให้มรดกตกทอดไว้ รักษาไว้ไม่ได้ มรดกเสียหายไปทั้งหมด เกิดสว่างแล้วไปมืด นี่ไง เราฝึกหัดได้ๆ
เรื่องของกรรม บอกว่า “เรื่องของกรรม พระพุทธศาสนา อะไรก็ยกให้กรรมๆ” เรื่องของกรรมคือการกระทำ เราทำของเรามาเอง เวลาทำบุญ บุญเกิดมาสว่าง เราเกิดมาสว่าง เราเกิดมาด้วยบุญกุศลไง แต่เกิดมาด้วยบุญกุศลแล้วเรามีอำนาจวาสนาหรือไม่เรา เรามีสติปัญญาหรือไม่ อันนี้คือปัจจุบันธรรมไง ปัจจุบันธรรมที่เราสร้างขึ้นมาเองไง
เราเกิดมามืด เราเกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ ทั้งนั้นน่ะ เราเกิดมา แต่เราได้เกิดเป็นมนุษย์นะ แต่เกิดมาแล้วขาดตกบกพร่องไปทั้งนั้นน่ะ แต่เรามีสติปัญญา มีความคิดที่ดี มีการฝึกฝนที่ดี วันแรงงานๆ เราฝึกฝนขึ้นมาจนตัวเราเป็นคนดี เห็นไหม เกิดมามืดไปสว่าง ไปสว่างเพราะอะไร สว่างเพราะการกระทำของเราไง การกระทำของเรา เห็นไหม
เวลาเราเรียกร้อง เวลาคนทุกข์ยากเรียกร้องความเสมอภาคๆ เวลาเสมอภาค ลัทธิคอมมิวนิสต์ สหายมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน เวลาแบ่งผลประโยชน์ทำไมผู้บริหารมันได้เยอะล่ะ ทำไมแรงงานมันได้น้อยล่ะ
อ้าว! นั่นแรงงานกาย นี่แรงงานสมอง แรงงานสมองได้ผลตอบแทนที่มากกว่า มันเป็นไหม เราเคยอยู่ป่า สหายนี่มาหาเราเลย เวลามาคุยกับเรา คอมมิวนิสต์คนแรกของโลกคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาว่านะ นี่เวลาพรรคคอมมิวนิสต์เขาพูดไง คอมมิวนิสต์คนแรกคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพูดถึงความเสมอภาค ภราดรภาพ
แต่เราเถียงมันเลย บอกไม่ใช่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่คอมมิวนิสต์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ ความเสมอภาค ความเสมอภาคถึงเวลาสิ้นสุดแห่งกิเลสแล้ว เวลาอัครสาวก ๘๐ องค์ เอตทัคคะ แต่ละองค์เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน ความเสมอภาคด้วยการเป็นพระอรหันต์ ความเสมอภาคด้วยความสิ้นกิเลส ความเสมอภาคด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ความเสมอภาค แต่อำนาจวาสนาของพระอรหันต์ ๘๐ องค์ยังไม่เท่ากัน เวลาถ้าลาภ พระสีวลีลาภมากที่สุด แต่เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน นี่ความเสมอภาคในความเป็นพระอรหันต์ ความเสมอภาคในการสิ้นกิเลส ความเสมอภาคในการกระทำอันนั้น นี่ความเสมอภาคไง สิ้นสุดแห่งทุกข์ อันนี้สำคัญที่สุดไง
แรงงานๆ เวลาพูดถึงแรงงาน เราก็แรงงานกาย พูดถึงแรงงานนะ วันนี้วันแรงงาน ทุกคนหยุดหายใจจะได้มีความสุขจริงๆ ไง แล้วมันเป็นไปได้ไหม เวลาแรงงานๆ เราเพิ่งบิณฑบาตกลับมานี่ ๘ กิโลฯ เหงื่อไหลไคลย้อยมาเลย ก็ทำงานเหมือนกัน แล้วก็ภูมิใจไหม “โอ๋ย! นี่อริยประเพณี ธุดงควัตร โอ๋ย! ปลื้มใจ แล้วปลื้มใจ” นี่มันแค่ประเพณีวัฒนธรรม
เวลาหลวงตา หลวงปู่เจี้ยะท่านชื่นชมอาจารย์สิงห์ทองมาก อาจารย์สิงห์ทองเดินจงกรมด้วยความเพียร เดินจงกรมจนทางจงกรมเป็นร่อง ชื่นชมนะ อาจารย์สิงห์ทอง หลวงปู่จวน ครูบาอาจารย์ชื่นชมมาก ชื่นชมด้วยการกระทำของท่าน ด้วยความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะของท่าน หลวงตา หลวงปู่เจี้ยะท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านชื่นชม ชื่นชมคนที่ทำถูกต้องดีงามไง การเดินจงกรมมันก็เป็นกิริยาเท่านั้นน่ะ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเราก็ทำกันทุกคนน่ะ แล้วมันถูกต้องไหม นี่ไง วันแรงงานๆ ไง งานชอบไง งานชอบคือมรรคไง เวลามรรคขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ ความระลึกชอบ ความชอบธรรมอันนั้นน่ะ ถ้าความชอบธรรมอันนั้นมันถึงเป็นแรงงานที่ถูกต้องดีงาม
เวลาพระหลอกใช้ไง หลอกมาอยู่วัด แล้วเวลาทำงาน “แรงงานอริยะ”...เอ๊อะ! มีแรงงานอริยะด้วยหรือ เออ! ทำงานนี้เป็นอริยะเนาะ ถ้าทำงานนี้เป็นอริยะนะ “อู้ฮู! นี่แรงงานๆ”
เวลาเราพูด เราพูดเป็นธรรมนะ โทษนะ ไม่ใช่ดูถูก ไม่ใช่เหยียดหยามใครทั้งสิ้น พูดให้มีการเปรียบเทียบกันไง ถ้าแรงงานอย่างนั้น แรงงานอย่างนั้นกรรมกรเขาทำงานทั้งวัน เขาอาบเหงื่อต่างน้ำกว่าเราหลายร้อยเท่า นี่ชาวเกษตรกรรมเวลาเขาทำหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ถ้าอย่างนั้นนะ ถ้าแรงงานอริยะแรงงานอย่างนั้น แล้วเขาทำมากกว่าเราด้วย ทำไมเขายังเป็นชาวนาอยู่อย่างนั้นล่ะ เขาเป็นชาวนาอยู่อย่างนั้นเพราะเขาทำเพื่อเลี้ยงชีพไง
แต่เวลาภาวนา จิตตภาวนาๆ เราภาวนาขึ้นมา เราหาหัวใจของเราไง หัวใจของเรานี้สำคัญมากนะ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ปฏิสนธิจิต เพราะจิตนี้อุบัติขึ้นถึงได้เกิดเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม
แล้วเวลาพระพุทธศาสนา ความเพียรชอบ แรงงานที่ชอบธรรม ชอบถูกต้องดีงาม ถ้าถูกต้องดีงาม มันมีสติปัญญาหรือไม่ เวลาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาขึ้นมาเพื่ออะไร เดินจงกรมเหมือนกัน หลวงปู่จวน หลวงปู่สิงห์ทองท่านก็เดินจงกรมของท่านเหมือนกัน เดินจงกรมจนครูบาอาจารย์ท่านเอามาเป็นคติเป็นตัวอย่างเอามาสอนลูกศิษย์ ท่านชื่นชมๆ ไง ท่านชื่นชมเพราะท่านทำถูกต้องทั้งกิริยาด้วย แล้วท่านทำหัวใจของท่าน ท่านวางใจของท่านให้ลงสู่มรรคสู่ผลด้วยความถูกต้องดีงามด้วย ความถูกต้องดีงามในการทำงานภายในใจอันนี้สำคัญมาก สำคัญมากเพราะอะไร
ปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะด้วยอวิชชา ด้วยความมืดบอด เวลาความมืดบอดขึ้นมา ดูสิ มันจริตนิสัยของคน จริตนิสัยของคน คนที่ทำบุญกุศลมา คนที่มีอำนาจวาสนามา คิดแต่เรื่องดีๆ คนที่ทำบาปอกุศลมามีแต่เจ็บแค้นในหัวใจ เกิดมาด้วยความอาฆาตมาดร้าย เกิดมาด้วยการกระทำเพื่อได้เหยียบย่ำทำลายคนอื่น นี่ไง นี่เกิดเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนึกคิดอันนั้น ถ้าความรู้สึกนึกคิดอันนั้น คนที่คิดดีๆ กระทำดีๆ พันธุกรรมของจิตๆ ไง ถ้าพันธุกรรมของจิตที่มันมี เวลามีการกระทำ เวลาการภาวนาขึ้นมา ทำไมพาหิยะฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนเดียวเป็นพระอรหันต์
แล้วเวลาเขาไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูสิ สัตตรสวัคคีย์ ฉัพพัคคีย์ พวกนี้อยู่ใกล้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติวินัยข้อไหนก็แล้วแต่ เพื่อปิดกั้นไว้ไม่ให้กิเลสมันออก ไอ้พวกนี้ปลิ้นหมดเลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าห้ามอย่างนี้ มันจะทำอย่างนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำอย่างนั้น กูจะทำอย่างนี้ พอทำปั๊บก็มีอนุบัญญัติไง เริ่มต้นมันจะมีบัญญัติก่อน แล้วจะมีอนุบัญญัติมาเรื่อยๆ จากสัตตรสวัคคีย์ ฉัพพัคคีย์ พวกนี้พวกทำ
รองเท้าๆ ไปอยู่กับหลวงตา หลวงตาเวลาท่านมาใส่รองเท้าสองชั้นสามชั้น ท่านให้เสริมขึ้นมา เพราะอะไร เพราะเวลาไปให้พระโสณะ เวลาพระโสณะ ร่ำลือว่าพระโสณะเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก ก็อนุญาตให้พระโสณะได้ใส่รองเท้า พระโสณะท่านบอกว่าท่านก็ขอพรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอนุญาตรองเท้าให้ข้าพเจ้าใส่เฉพาะคนเดียว ข้าพเจ้าไม่ใส่ ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอนุญาตรองเท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องอนุญาตพระทั้งหมด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติให้พระภิกษุใส่รองเท้าได้ เพราะท่านเป็นผู้ที่มีฝ่าเท้าบาง พอเดินไปแล้วเลือดออกเลย
ฉัพพัคคีย์มันแต่งรองเท้านะ มันประดับเพชรประดับพลอย ห้ามๆๆ ห้ามจนเหลือเหมือนรองเท้าฟองน้ำนี่ คีบ หูคีบ
ฉัพพัคคีย์นี่ตัวร้าย แล้วเวลาพระกัจจายนะ พระกัจจายนะไปอยู่ป่า อยู่ในชนบทประเทศ เวลาไปอยู่ แถวอัฟกานิสถาน เห็นไหม ภูเขาน่ะ รองเท้ามันบาง มันใช้สอยไม่ได้ประโยชน์ ให้พระโสณะอีกโสณะหนึ่ง พระโสณะเป็นลูกศิษย์ของพระกัจจายนะ เวลามาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่ในวิหารของท่าน
ให้อยู่ในวิหารของท่านก็เหมือนกับเวลาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่มั่น เวลาไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นจะถามว่า ภาวนามาเป็นอย่างไร จิตเป็นอย่างไร พระโสณะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พระสณะแสดงธรรม แสดงธรรมให้ฟังว่าพระโสณะอยู่กับพระกัจจายนะ พระกัจจายนะสอนอะไรพระโสณะ นี่แสดงธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสรรเสริญ สาธุๆ พระอรหันต์
นี่ไง แล้วก็ถึงว่าฝาก ฝากมา พระกัจจายนะขอมา ขอพรมา ๒ ข้อ ข้อหนึ่ง ชนบทประเทศ ถ้าจะรอให้ภิกษุครบ ๑๐ องค์ถึงจะทำอุปสมบทได้ กว่าจะรอได้ พระโสณะรอมาถึง ๕ ปีกว่าจะได้บวชพระ เพราะพระมันไม่ครบสงฆ์ ฉะนั้น ขอให้ ๕ องค์ก็บวชได้ แล้วก็ขอใส่รองเท้า รองเท้าที่ใส่อยู่ทางชนบทประเทศ เวลาใส่แล้วหินมันบาดเท้า มันไม่สมบูรณ์ ขอพรพระพุทธเจ้า เห็นไหม
พระพุทธเจ้าบัญญัติ บัญญัติจากฉัพพัคคีย์ สัตตรสวัคคีย์ ผู้ที่กีดขวาง ผู้ที่ทำลาย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนุบัญญัติขึ้นมา จนพระที่ซื่อสัตย์ พระที่เป็นธรรม พระกัจจายนะไปอยู่นะ หินมันบาด ก็องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้อย่างไรก็เชื่อ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น ครูบาอาจารย์ท่านไม่ก้าวล่วง ท่านไม่ข้ามแน่นอนถึงมันจะลำบากขนาดไหน
ก็ให้พระกัจจายนะมาขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนุญาต พออนุญาตขึ้นมา นี่เวลาอนุญาต เพราะธรรมวินัยบัญญัติด้วยความดีงาม บัญญัติเพื่อความอยู่ความสงบสุข แต่ไอ้พวกเปรตพวกผีมันก็มาทำลาย พระพุทธเจ้าก็บัญญัติ บัญญัติเพื่อปกป้อง ปกป้องพวกอย่างนี้ไง นี่พูดถึงสิ่งที่เป็นความจริง ถ้าธรรมวินัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่พูดถึงเวลารองเท้าๆ เป็นอย่างนี้
เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์ เวลาครูบาอาจารย์ท่านมีที่มาไปทั้งนั้นน่ะ มีที่มาที่ไป มันอยู่ในวินัยนั่นแหละ วินัยทำไว้อย่างไร สิ่งที่เป็นจริง ถ้าเป็นงานชอบ ถ้าแรงงานชอบ พระกัจจายนะฝึกฝนพระโสณะ ส่งพระโสณะมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันก็คือวิธีการสอนที่พระกัจจายนะได้สั่งสอนพระโสณะ พระโสณะได้ประพฤติปฏิบัติ ได้มีการกระทำ ได้ความเป็นจริงนั้น ถ้าคนไม่ได้ปฏิบัติ ไม่มีความเป็นจริง ไม่มีงานชอบ ไม่มีผลงานในหัวใจ
ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคผลในใจ เวลาแสดงธรรมให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฟัง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สาธุๆ คำว่า “สาธุ” นี่ไง เวลาพระสารีบุตรกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาใครฟังเทศน์ของพระสารีบุตรแล้วไม่เข้าใจก็มาถามองค์สมเด็จพะสัมมาสัมพุทธเจ้า ถามว่า พระสารีบุตรพูดอย่างนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ถ้าเป็นเรา เราก็พูดอย่างนั้น เวลาฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เข้าใจ ไปถามพระสารีบุตร ถามพระสารีบุตรว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดอย่างนั้น แสดงอย่างนั้น นี่ไง ถ้าเป็นธรรมๆ แล้วเป็นอันเดียวกัน นี่ความเสมอภาค
นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคอมมิวนิสต์...ไม่ใช่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลามีการกระทำ กระทำด้วยมรรคด้วยผลในหัวใจ นั่นน่ะแรงงาน
คนเรามันจะดีงาม ดีงามก็ด้วยการกระทำเนาะ ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยการกระทำของเรา วันแรงงานเพราะอะไร เพราะเราเห็นถึงการทำงาน เห็นถึงการขยันหมั่นเพียร โลกเขาเจริญได้ก็เพราะแบบนั้น แล้วเขาเห็นคุณค่า ก็เลยเป็นแรงงานของทั่วโลก
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเทวดา อินทร์ พรหมนะ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นผู้สอน ๓ โลกธาตุ นี่สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาแสดงธรรม เทวดาสำเร็จเป็นแสน พรหมสำเร็จทั้งนั้นน่ะ ความสำเร็จของเขา เวลาเทวดา อินทร์ พรหม เพราะจิตใจของเขามั่นคงนะ
เวลาหลวงปู่มั่นท่านแสดงธรรมให้หลวงตาฟังไง เวลาท่านพูดกับเทวดา ว่าเทวดานี่สอนง่าย เขามีความซื่อสัตย์ของเขา เวลาเขาทำสิ่งใด สอนมนุษย์นี่แสนยาก มนุษย์เล่ห์เหลี่ยมเยอะ มนุษย์ปลิ้นปล้อนเยอะ กิเลสมันพลิกแพลงอยู่ตลอดไป มนุษย์ฟังธรรมนี่ แต่เวลาเทวดา อินทร์ พรหมที่เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่เขาไม่สนใจก็เยอะแยะไป
แต่เวลาฟังธรรมๆ เราจะบอกว่า คำว่า “แรงงาน” จิตมันทำงาน ถ้าจิตมันทำงานต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิถูกต้องดีงามมันก็จะเข้าสู่มรรค ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐินะ มันยังสร้างความเลวร้ายให้กับหัวใจเรามหาศาลเลย เพราะเรามีทิฏฐิมานะ มีความยึดมั่นถือมั่นอย่างนั้น แล้วมีการกระทำอย่างนั้น กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน เวลาวิทยาศาสตร์รังเกียจนักว่า กรรม อดีตชาติ กรรมนู้นกรรมนี้ รังเกียจนัก
เอ็งทำมาอย่างนั้นทั้งนั้น กรรมก็คือกรรม แต่ปัจจุบันธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่นี่ไง ศีล สมาธิ ปัญญาคือการแก้ไขในปัจจุบันนี้ไง การแก้ไขในปัจจุบันนี้มันก็มีที่มาไง ที่มาคือจริตนิสัยที่เราสร้างของเรามา คือมุมมอง ทัศนคติ โลกทัศน์ ทั้งนั้น
นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาท่านทำของท่านมา ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ท่านสร้างสมบุญญาธิการมา สุดท้าย ชาติสุดท้ายพระเวสสันดร เสียสละหมด เห็นไหม ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าจะเป็นศาสดานะ ทุกๆ พระองค์จะต้องสละภรรยา สละลูก นี่ไง กัณหา ชาลี นางมัทรี
พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ชาติสุดท้ายจะต้องเสียสละลูก เสียสละเมีย เพราะความที่เสียสละลูก เสียสละเมีย ลูกเมียเป็นความดูดดื่ม เป็นความผูกพันที่สุด เสียสละทั้งนั้น เสียสละชีวิตยังไม่เท่ากับเสียสละลูกเมียนะ เพราะสละชีวิต ลูกผู้ชายทำผิดยอมรับผิดได้เลย แต่รักนะ ภรรยาที่บ้านก็ห่วง ลูกน้อยก็ห่วง จะเป็นอะไรก็เป็นห่วงทั้งนั้นน่ะ นี่ไง ความอาลัยอาวรณ์ กิเลสละเอียดลึกซึ้งนัก มันต้องเสียสละ นี่พูดถึงว่าการจะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องทำแบบนั้นนะ ต้องทำแบบนั้น ต้องได้อย่างนั้น สมบูรณ์แบบ นั้นถึงจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
นี่พูดถึงว่า วันแรงงานเราก็เห็นประโยชน์ แต่มันเป็นเรื่องโลก คำว่า “เรื่องโลก” เราก็ขวนขวายกันทั้งนั้นน่ะ แต่ในพระพุทธศาสนานะ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าใจมันประเสริฐ ใจมันประเสริฐ ถ้ามันมีการกระทำ มีความเป็นจริงในหัวใจ มันจะยกใจนี้พ้นจากวัฏฏะ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แล้วไม่มีศาสนาไหนชี้ได้ ไม่มีศาสนาไหนชี้ได้ มีแต่พระพุทธศาสนา แล้วต้องมีครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงเท่านั้นจะชี้เข้าไปสู่หัวใจของสัตว์โลก ให้หัวใจของสัตว์โลกพ้นจากวัฏฏะ นี่ไง พระพุทธศาสนามันเยี่ยม เยี่ยมอย่างนี้ไง
แต่ในทางโลก เวลาพระเราบวชเข้ามาแล้ว บวชมาด้วยจริตนิสัยของตน เวลาเข้ามาแล้ว มุมมอง ทิฏฐิมานะของเขาไม่ใช่พระพุทธศาสนา เป็นทิฏฐิของเขา เขามีมุมมองอย่างนั้น เขาทำอย่างนั้น พวกเราเห็นแล้วเลยมาตำหนิภาพรวมไง มันเป็นบุคคลน่ะ ศาสนบุคคลมีดีและชั่ว
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีประเสริฐ ประเสริฐจริงๆ ไม่มีชั่ว ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงเลย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม มันสะอาดบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งใดเข้าไปเคลือบแฝงได้อีกแล้ว มันเกิดจากบารมีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นแก้วสารพัดนึกที่พวกเราปรารถนา แต่เราจะมีมุมมอง มีอำนาจวาสนาบารมีทำให้มันเป็นในใจของเราได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น
ใจของเรานี่แหละ ใจที่ว่าไม่มีอำนาจวาสนา ใจที่ทุกข์ๆ ยากๆ ใจอย่างนี้หรือ ใจเรานี่นะ ถ้ามีวุฒิภาวะ มีมุมมอง มีการกระทำ ใจนี้แหละ ใจไอ้ขี้ทุกข์ๆ นี่แหละ
ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์มันต้องมีที่มา ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ วิธีการดับทุกข์ มันมีวิธีการดับของมัน วิธีการดับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิธีการที่ครูบาอาจารย์ท่านชี้นำเราอยู่นี่ ถ้าเราทำได้จริงจะเป็นสมบัติของเรา แรงงานอย่างนี้มันถึงจะเป็นแรงงานประเสริฐ เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นของหัวใจดวงนั้น เอวัง